วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ชมแสงไฟที่ตลาดน้อย นำเที่ยวโดยไกด์ท้องถิ่น

ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อตลาดน้อยก็ตอนที่เข้ามหาลัยเป็นเพื่อนกับอิซัน เพราะบ้านของเขานั้นอยู่ที่ตลาดน้อย และเขาก็ชอบพูดถึงแถวบ้านเขาบ่อย แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมแถวนั้นสักครั้ง ทั้งที่ไปเยาวราชก็บ่อย เพราะคิดว่าแถวนั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรมากมาย

แต่ในช่วงถ่ายรูปรับปริญญาที่ผ่านมา น้องซันคนนี้ได้ไปถ่ายรูปชุดครุยกับบ้านเกิดตลาดน้อย ข้าพเจ้าจึงเพิ่งได้รู้ว่า ที่นี่มีอะไรน่าสนใจ และเราไม่เคยไปด้วย


นี่คือภาพตัวอย่างที่ทำให้รู้สึกสนใจชุมชนตลาดน้อย

พักหลังๆมาก็แปลกด้วย ใครๆก็แชร์เรื่องราวการไปเที่ยวตลาดน้อยในเฟซบุ๊ค ทำให้ข้าพเจ้าและน้องนกคิดกันจริงๆจังๆว่าต้องไปเที่ยวตลาดน้อยกัน จนล่าสุดคือมีการจัดงานแสงสีตอนกลางคืน เราเลยคิดว่ายังไงก็ต้องไปแล้วแหละ ซึ่งสมาชิกที่ไปได้คือ ข้าพเจ้า มิ้ว(น้องของข้าพเจ้า) อิซัน(ไกด์ท้องถิ่น) เป้ ส่วนน้องนกนั่นยังคงต้องว้าวุ้นอยู่กับแลปต่อไปอย่างน่าเสียดาย

เรานัดเจอกันที่ร้านราดหน้าแห่งหนึ่งที่เยาวราช เพราะความหิวโหยจึงสั่งพิเศษ แต่ปริมาณที่ได้มานั้นทำให้ข้าพเจ้าคิดว่าแม่ค้าคงลืมว่าเราสั่งพิเศษ แต่ราคาที่เราต้องจ่ายเป็นราคาพิเศษ คุณแม่ค้าเลยอธิบายว่าจริงๆแล้วมันพิเศษให้เราเข้าใจ แต่ตอนนั้นไม่มีใครอิ่มเลย น้องซันจริงแนะนำร้านข้าวผัดปูเจ้าดังที่ตลาดน้อยให้เราไปกินกันเพิ่ม 

ไปตลาดน้อยกันเถอะ
เราเดินไปตลาดน้อยกันหลังจากกินราดหน้าเสร็จ สังเกตุได้ว่าวันนี้คนมาเยาวราชเยอะผิดปกติ เหตุเพราะมีงานที่ตลาดน้อยแน่ๆ 

ระหว่างทางไปตลาดน้อยน้องซันก็เดินนำหน้าด้วยความภาคภูมิใจ และสำนึกรักในบ้านเกิด พร้อมกับเล่าประวัติให้ฟัง อิซันเล่าว่า
จริงๆแล้วตลาดน้อยไม่ได้ชื่อนี้เพราะมันเล็ก แต่เพราะเจ้าของตลาดชื่อน้อย แต่จริงๆแล้วตลาดมันก็เล็กจริงๆด้วยนั่นแหละ สมัยเด็กน้องซันก็คิดว่าตลาดน้อยมันก็ใหญ่ดี แต่พอได้ไปตลาด อตก จึงรู้ว่ามันน้อยจริงๆ
นอกจากนี้ก็ยังได้พูดคุยประวัติสัพเพเหระต่างๆมากมาย จนเดินใกล้ถึงที่จัดแสงไฟ เราจึงรู้ว่ามีคนเยอะมากกกกกกกก จนน่าตกใจ น้องซันบ่นแบบหัวเสียเล็กน้อยว่าคนพวกนี้หาทางเข้าบ้านมันเจอได้ยังไง  แหมเดี๋ยวนี้โลกเราก็มีกูเกิลแมพมะ = =

เมื่อเราเดินมาเรื่อยๆ ก็เริ่มเห็นคนยืงมุงถ่ายรูปอะไรสักอย่างในซอยแคบๆ เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่าเค้ายืนมุงถ่ายอะไรก็ช็อคเล็กน้อย เพราะมันคือศาลพระภูมิแถวนั้นที่มีการตกแต่งแสงไฟ ไม่นึกไม่ฝันเลยจริงๆว่าจะได้มาเห็นคนยืนมุงถ่ายรูปศาลพระภูมิ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ได้แต่ปลอบใจตัวเองเบาๆว่าโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว (ตามที่เลดี้กาลาเดรียลได้เคยกล่าวไว้) นอกจากศาลพระภูมิแล้วต้นไทรคนก็ไม่เว้น เห้อมมม รู้สึกอย่างไรชอบกล

ผู้คนก็จะมุงถ่ายรูปกันตามทางเป็นระยะ ตามส่วนที่มีคนมาจัดแสงไฟไว้ให้ เหมือนทุกคนมาเที่ยวเพราะต้องการจะถ่ายรูป มากกว่าชื่นชมอะไรเก่าๆ


ที่ที่ข้าพเจ้าคิดว่ามันสมเหตุสมผลต่อการถ่ายรูป

โซวเฮงไถ่
สถานที่ที่ข้าพเจ้าอยากมามากที่สุดก็คือบ้านจีนหลังหนึ่งที่ชื่อว่า โซวเฮงไถ่ มันดูเก่าและสวยเหมือนในหนังจีนที่เราดูกัน ข้าพเจ้าคาดหวังจะมาชื่นชมบรรยากาศบ้านจีนโบราณใต้แสงจันทร์ แต่พอไปถึงก็มีคนปริมาณนับล้านคนเหมือนเดิม คนเยอะตั้งแต่หน้าประตูและทุกซอกทุกมุม ที่ๆคนจะกระจุกไปอยู่มากที่สุดคือที่ๆมีแสงไฟ นี่คนหรือแมงเม่ากัน แต่บ้านจีนหลังนี้ก็ยังคงความสวยงามน่าประทับใจเอาไว้ และข้าพเจ้าจะต้องมาใหม่ตอนคนน้อยๆอีกแน่


โซวเฮงไถ่คนเยอะมาก เหมือนโรงเตี๊ยมวุนวายๆในหนังจีน


มิ้วกับผนังบ้านจีน

เซียมซีดิจิตัล
ออกจากบ้านจีนเก่า เราก็เดินไปศาลเจ้าแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างทางไกด์ท้องถิ่นของเราก็ได้เล่าประวัติบ้านจีนโซวเฮงไถ่แบบลับๆให้พวกเราฟังไปด้วย ดูจะเป็นข้อมูลสุดพิเศษที่คนแถวนั้นเท่านั้นที่จะรู้ ที่ศาลเจ้าก็มีการจัดแสงไฟเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือเซียมซีดิจิตัล เป็นแท่งเสาไฟใหญ่ๆสีแดงตั้งไว้ ให้คนไปกดปุ่มเสี่ยงทายว่าจะได้เสาหมายเลขไหน คนไปต่อคิวเสี่ยงเซียมซีเยอะมาก คืออยากจะรู้ว่ามันจะขลังไหม หมดกันความขลังในศาลเจ้าของชั้นนนน 


ศาลเจ้าแห่งหนึ่ง

หลังจากนั้นเราเดินมุ่งหน้าไปยังโบสถ์กาลหว่าร์ สองข้างทางแคบๆมีการจัดแสงไฟเป็นระยะ คนก็เยอะมากตามจุดที่มีไฟเท่านั้น แต่พวกเราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปกันเท่าไหร่เพราะรู้สึดอึดอัดมากกว่าอยากถ่ายรูป จนมาถึงตรงหนึ่งคนเบียดเสียดกันเยอะมาก เพราะมีการจัดแสงไฟ แถมเป็นที่ๆแคบมากกว่าปกติ คนก็หยุดถ่ายรูปกัน มีอาม่าที่ต้องขอทางเดินเข้าบ้านตัวเองเพราะคนเยอะจัดจนหาทางเดินไม่ได้ ข้าพเจ้ารู้สึกเห็นใจอาม่าผู้นั้นมากที่ต้องถูกรบกวนความสงบ


ทางเดินที่อาม่าต้องขอเดินเข้าบ้าน


ส่วนคนที่บ่นกระปอดกระแปดตลอดทางเห็นจะเป็นน้องซัน เพราะนางบอกว่าปกติชุมชนตลาดน้อยนี่เงียบสงบมาก มาทำแบบนี้รบกวนอากงอาม่าแถวนั้น ทางเข้าบ้านตัวเองก็หาไม่ได้ ทั้งที่ตอนแรกนางดูจะพรีเซ้นบ้านตัวเองมาก หมาตัวนี้ของบ้านไหนยังรู้จัก คนที่เดินอยู่ข้างหน้าเป็นคนเฝ้าที่โรงจอดรถก็อยากจะแนะนำให้เรารู้จัก แต่พอเห็นคนมากเกินไปก็ไม่สนุก น่าเห็นใจเขานะครับ ฮ่าๆ

โบสถ์กาลหว่าร์


โบสถ์กาลหว่าร์

ที่ที่สงบที่สุดของกิจกรรมในค่ำคืนนี้เห็นจะเป็นโบสถ์กาลหว่าร์ เพราะเรามาเดินให้ลมพัดหน้ากันที่ข้างในโบสถ์ แต่ที่จัดแสงไฟอยู่ด้านหน้า แมงเม่ามนุษย์เลยเดินตามแสงไปกันไป ทั้งที่บริเวณโบสถ์นี้รู้สึกสงบกว่ามาก แต่คนก็ไม่มากัน เพียงเพราะไม่มีแสงไฟอย่างงั้นหรอ? ระหว่างนั้นเราก็ต้องฟังประวัติโรงเรียนกุหลาบวิทยา พร้อมคำขวัญประจำโรงเรียนไปตามระเบียบ ถึงแม้ไกด์ท้องถิ่นของเราจะไม่ได้เรียนโรงเรียนนี้แต่ก็เล่าประวัติได้ละเอียดมากพอสมควร 

นอกจากนั้นในคืนนั้นข้าพเจ้ายังต้องฟังประวัติพระเยซูตั้งอันยาวนานตั้งแต่เกิดมาในคอกแกะ จนฟื้นคืนชีพใหม่อีกครั้ง และได้รู้ว่าเพื่อนของอาม่ามันขายยาดมเอี๊ยะแซ บ้านเพื่อนมันขายถังออกซิเจน ประวัติของเกี๋ยวเตี๋ยวรู และอื่นๆอีกมากมาย ถึงเราจะอยากฟังหรือไม่แต่ไกด์ท้องถิ่นของเราก็จะมีสิ่งน่าสนใจมานำเสนอตลอดเวลา

สุดท้ายเรามากินข้าวผัดปูเจ้าอร่อยที่เจ้าถิ่นแนะนำด้วยกันด้วยความอร่อย และกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ผิดหวัง ถึงคนจะเยอะมากกว่าที่คิดไว้มาก แต่รวมๆแล้วก็รู้สึกดี เพราะอากาศ หรือเพื่อนๆที่มาด้วยรึเปล่า? ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตลาดน้อยเนี่ยคงต้องมาใหม่แน่ๆในตอนกลางวัน!

เรื่อง เมย์ ภัทริน
รูป อิซันคนเดิม