จุดเริ่มต้น
ในขณะที่เราต้องนั่งฟังเพื่อนพรีเซ้นงานอันแสนน่าเบื่อหน่าย เป็นธรรมดาว่ากิจกรรมยอดฮิตคือการนั่งไถโทรศัพท์อย่างเรื่อยเปื่อย เหมือนกับโชคชะตาได้กำหนดเอาไว้!! ฉันเห็นกระทู้ที่เพื่อนๆแชร์กันมาเรื่อง "เกาะขาม" ที่สัตหีบ ฉันอ่านกระทู้จบไม่ลังเลที่จะส่งไปให้อ้อม ที่คาดว่าคงจะนั่งไถมือถือเล่นอยู่ด้วยเหมือนกัน แล้วชวนไปเที่ยวด้วยตอนนั้นเลย ไม่เคยไปเที่ยวกับอ้อม แต่ความรู้สึกมันบอกว่า "ที่นี่ต้องไปกับคนนี้" ฮ่าๆๆ อ้อมก็ไม่ลังเลที่จะตอบตกลง เมื่อแบงค์รู้เรื่องก็เลยตกลงว่าจะไปด้วยกัน ทริปนี้จึงเกิดขึ้นแบบง่ายๆ และไม่มีใครคาดคิด เฮ้เฮ้ ตื่นเต้นจังงงง
ออกเดินทาง
หญิงอ้อมปิดหน้าเพราะไม่ได้แต่งหน้ามา
เรานัดกันที่อนุสเสาวรีย์ตั้งแต่หกโมงครึ่งค่ะ เช้าจนหน้าก็ไม่ได้แต่ง ข้าพเจ้ากับแบงค์มาถึงกันประมาณหกโมงครึ่ง แต่ไม่มีใครโทรหาหญิงอ้อมติดเลยแม้แต่คนเดียว เลยคิดว่าคงต้องบ๊ายบายแล้วแหละ ข้าพเจ้าและแบงค์คงต้องไปกันสองคน ซื้อตั๋วรถตู้กันเรียบร้อย แล้วหญิงอ้อมก็โทรมาบอกว่าเพิ่งตื่น!! เราจึงรอจนอ้อมมาในสาพหน้าตาเพิ่งตื่น ฮ่าๆๆๆ สรุปแล้วเราออกจากอนุสเสาวรีย์ประมาณเจ็ดโมงครึ่งกว่าๆ มุ่งหน้าสู่สัตหีบชลบุรี ด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยมว่าจะได้ขึ้นเกาะขามกัน เย้ๆๆๆ
ไปแสมสาร
หลังจากลงรถตู้เราก็ขึ้นรถต่อไปยังท่าข้ามเรือ ซึ่งมีทั้งเกาะขามและเกาะแสมสาร ปรากฏว่ารอบเรือไปเกาะขามนั้นเต็มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ก่อนหน้านั้นพ่อโทรมาบอกว่า เพื่อนพ่อบอกว่าเกาะขามเต็มไวมาก เค้าเอารองเท้ามาต่อแถวกันเลยก็มี เราก็คิดในใจว่า แหมพ่อนี่เว่อจริงๆใครเชื่อก็บ้าแล้ว) นอกจากนั้นาพที่เห็นตรงซื้อตั๋วไปเกาะขามยังมีคนยื่นเต็มไปหมด พวกเราจึงต้องไปแสมสารแทนแบบไม่ได้คาดคิด
อ้อมซื้อตั๋ว
บริเวณที่ซื้อตั๋วไปเกาะแสมสารคนไม่เยอะเท่าเกาะขาม แต่เรือก็ยังเหลือแค่สองรอบอยู่ดี เราจึงได้ขึ้นเรือไปแสมสารรอบ 11 โมง
ท่าข้ามเรือ
ขณะรอเรือเราจึงไปรับประทานอาหาร เปลี่ยนชุดพร้อมออกไปเริงร่ากับทะเล แต่งหน้า ทาครีมกันแดด ให้เรียบร้อย ข้าพเจ้านั้นรู้สึกสวยขึ้นมาทันที แตกต่างกับสภาพเมื่อเช้าที่ขึ้นรถตู้มามากๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดการแต่งหน้าจึงทำให้รู้สึดสดใสพร้อมจะออกไปรับมือกับทุกสิ่งในชีวิตตตต ฮ่าๆๆๆๆ
จากนั้นเราก็เดินไปถ่ายรูปที่ท่าเรือ สีน้ำทะเลของที่นี่สวยจนน่าตื่นเต้น ฉันไม่ได้มาเที่ยวทะเลนานแล้วเหมือนกัน อากาศก็ดี แถมวันนี้ท้องฟ้าก็สวยมาก บริเวณใกล้ฝั่งของที่นี่มีลักษณะเหมือนป่าชายเลน มีต้นโกงกางขึ้นเต็มไปหมด
แบงค์กับอ้อม
สมาชิกทั้งสาม
อ้อม ทะเล และสายลม
ได้เวลาขึ้นเรือ
เมื่อถึงเวลาเรือมาเราก็ไปต่อแถวเพื่อจะขึ้นเรือไปยังเกาะ มีคนเยอะมาก บางคนก็หอบหิ้วอาหารการกิน กระติกน้ำแข็ง เสื่อ หรืออะไรก็ตามที่ดูจะไปพักผ่อนหย่อนใจได้ ส่วนมากมากันเป็นครอบครัว มีเด็กๆมาด้วย แถวแรกที่เราไปต่อ ต่อจนจะได้ขึ้นแล้วเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นเรือไปเกาะขาม เลยต้องมาต่อใหม่อีกแถว
สีน้ำทะเลที่ท่าเรือ ถ้ามองด้วยตาเปล่าจะเห็นปลาสวยๆว่ายไปมาเต็มไปหมด
ซื้อตั๋วขึ้นเรือโรฮิงยา
เราเลือกที่นั่งหลังเรือกัน เพราะจะได้มองทะเลกันให้พอใจไปเลย ไม่มีอะไรมาบัง มีชูชีพให้ใส่กันคนละอัน ตอนเรือยังไม่เคลื่อนที่แอบรู้สึกเมาเรืออยากอ้วกนิดๆ
บนเรือ
มุ่งหน้าสู่เกาะแสมสาร
เกาะแสมสารอนุรักษ์ธรรมชาติ
เรามาถึงแสมสาร ลงจากเรือ รู้สึกว่าที่นี่สวยมาก ทรายสีขาวละเอียด ทะเลสีคราม ท้องฟ้าสดใสคนก็มีไม่เยอะจนเกินไป ในทะเลก็มีคนกำลังดำน้ำกันอยู่ อยากจะวิ่งลงทะเลกันตอนนั้นเลย แต่เจ้าหน้าที่บอกให้เราไปฟังบรรยายก่อน(เป็นการมาเที่ยวที่แปลกมาก)
นั่งฟังบรรยาย
แต่พอมาฟังยายข้าพเจ้าก็ตระหนักได้ว่า ทำไมถึงต้องมาฟังบรรยายก่อน เพราะที่นี่แต่ก่อนไม่ได้เปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่เพิ่งมาเปิดเป็นที่เที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้ไม่นาน การเล่าเรื่องจากคุณลุงทหารเจ้าหน้าที่ ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของท้องทะเลไทย ทำให้เรารู้สึกอยากอนุรักษ์เก็บไว้มากขึ้น นอกจากนั้นยังอธิบายเส้นทางและกิจกรรมบนเกาะนี้ ซึ่งมีทั้งดำน้ำ ถีบจักรยาน เดินป่า พายเรือ มาเที่ยววันเดียวยังไงก็ไม่พอแน่นอน และที่นี่ไม่อนุญาติให้มีการนอนค้างคืน
เราตัดสินใจว่าจะไปดำน้ำดูปะการังกันที่หาดลูกลม ซึ่งต้องขึ้นรถต่อไปอีกฝั่งหนึ่งของหาด
หาดลูกลม
หาดลูกลม
วอลเล่บอลชายหาด
ที่หาดลูกลมเมื่อเรามาถึงแดดแรงมาก มีผู้คนพอสมควร มีตาข่ายและลูกวอลเล่บอลให้คนไว้เล่น เราไปเปลี่ยนชุด เช่าอุปกรณ์ดำน้ำดูปะการัง เช็คอุปกรณ์และขึ้นเรือไปสถานที่ดำน้ำ บริเวณเช่าอุปกรณ์ เจ้าหน้าที่ที่คอยเก็บเงินดูจะอารมณ์ดีมากๆ พูดเล่นขำๆกับทุกคนตลอดเวลา
ที่นี่ถ้าคนไม่อยากตัวเปียก ก็จะมีเรือท้องกระจกที่สามารถจองเพื่อขึ้นไปดูปากะรังได้โดยไม่ต้องลงน้ำ ซึ่งได้รับความนิยมพอสมควร
ไปดำน้ำกันเถอะ
เรือที่เราขึ้นรอบนั้นมีแค่พวกเราสามคน ขับไวมากกกกก หน้าแทบหงาย แต่ก็สนุกมากๆจริงๆ
ดำน้ำ
ที่ดำน้ำที่นี่จะกั้นบริเวณที่สามารถดำน้ำเอาไว้ และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยของเราด้วย นี่เป็นการดำน้ำแบบสน็อกเกิลครั้งแรกในชีวิตของฉัน รู้สึกว่าการคาบอุปกรณ์ต่างๆมันช่างดูลำบากพิกล หายใจทางปาก พอดำลงไปน้ำทะเลมาจากไหนก็ไม่รู้เข้าปากซะงั้น เลยมีพี่เจ้าหน้าที่มาสอนใหม่อีกรอบ
ตอนดำน้ำเท้าแอบไปโดนปะการัง อยู่หลายรอบ เจ็บอยู่เหมือนกัน ที่นี่มีหอยเม่นเต็มไปหมด ฉันต้องระวังตัวอย่างมาก มีอยู่บริเวณหนึ่งที่ปะการังสาวยมาก มีหอยมือเสือ ปะการังอะไรก็ไม่รู้แล้วก็มีปลาการ์ตูนด้วย บางทีการดำน้ำแบบนี้มันก็สงบดี อยู่กับตัวเองดูวิถีชีวิตตามธรรมชาติ ไม่ต้องได้ยินเสียงอะไร
แบงค์ผู้มีความแอดว๊านได้ไปขอตีนกบมาใช้ในการดำน้ำเล่นครั้งนี้ด้วย เวลาผ่านไประดับน้ำทะเลลดลง มีคนที่โดนปะการังบาดจนเป็นแผลใหญ่มาก สีเลือดตัดกับสีน้ำเงินของแพ กลายเป็นสีแดงสดได้น่ากลัวมากๆ
เมื่อเราดำน้ำจนพอใจจึงกลับไปที่ฝั่ง ฉันบอกกับอ้อมว่าอยากขึ้นเรือยางเพราะมันวิ่งไวมาก แล้วในที่สุดก็ได้ขึ้นเรือยางกลับจริงๆ แต่เรือยางไม่ได้วิ่งไวเหมือนตอนที่มีเฉพาะเจ้าหนาที่ ฉันผิดหวังนิดหน่อย
พายเรือกันเถอะ
กลับมาที่ฝั่งเราเห็นคนพายเรือไปมา จึงอยากพายกันบ้างสอบถามเจ้าหน้าที่ พบว่าเรือมีน้อยมาก จึงต้องรอให้มีคนพายเสร็จก่อน ค่าเช่าเรือที่นี่ก็ถูกมาก (อะไรๆก็ถูกไปหมด) เรานั่งเรือกันไปสามคน อ้อมผู้มีทักษะในการพายอยู่หน้าสุด แบงค์คนพายอีกคนอยู่ข้างหลัง ส่วนฉันนั่งกินไอติมรสมะนาวที่เพิ่งซื้อมาแล้วหย่อนเท้าราน้ำลงไปในทะเล ตรงกับสำนวนที่่่ว่า "มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ" ฮ่าๆ หลังจากโดนเพื่อนบ่นสักพัก จึงเอาเท้าขึ้นเรือและกินไอติมอย่างสงบเสงี่ยม
ฉันคิ้วหายไปแล้ว พร้อมกับแบงค์มีขนรักแร้เพิ่มขึ้น
ฉันชอบการพายเรือมากกว่าการดำน้ำดูปะการัง เพราะรู้สึกสบายกว่า(อาจเป็นเพราะไม่ได้พาย แค่นั่งเฉยๆ) ลมพัดเย็นดี แถมยังได้ครุ่งคิดอะไรๆมากกว่าการดำน้ำ
บรรยากาศที่หาดลูกลม
แบงค์ชื่นชอบสิ่งนี้มาก
หมดเวลาสนุกแล้วสิ
หลังจากพายเรือเสร็จเราก็ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวกลับหาดหลักที่เรามา เพื่อที่จะขึ้นเรือกลับกัน เวลาประมาณเกือบสี่โมงเกาะก็แทบจะร้างผู้คนเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าจะรีบกลับไปไหนกัน
หาดแรกที่ลงมา
บรรยากาศ
ขณะที่รอเรือมาฉันได้เดินเล่นบริเวณชายหาด เห็นมีเพื่อนคู่หนึ่งพยายามถ่ายรูปในท่ากระโดดให้กัน มีเสียงหัวเราะ พูกคุยมาเป็นระยะ เห็นแล้รู้สึกอบอุ่นมาก
ถ่ายรูปกันสองคน
กลับสู้ชีวิตปกติ
เมื่อเรือมาถึงเราก็เลือกที่นั่งท้ายเรือเหมือนเดิม เรามองย้อนกลับไปที่เกาะ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีกหรือเปล่า หรือถ้าได้กลับมาจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่ เรารู้แค่ว่าวันนี้สนุกมาก อาจจะเป็นหนึ่งในความทรงจำสำคัญที่มีเราสามคนอยู่ด้วยกัน เพราะไม่รู้เลยว่าวันไหนจะมีโอกาสได้มาด้วยกันแบบนี้อีก น้อยนักที่เราสามคนจะได้รวมแก๊งไปเที่ยวด้วยกัน ฮ่าๆ
เรือโรฮิงยามารับแล้ว
บนเรือขากลับมีคนเยอะมากกว่าขามา อ้อมรู้สึกกลัวแดดเลยเอาผ้ามาปิดหน้า แถมขากลับเที่ยวนี้ยังมีคนขึ้นไปนั่งข้างบนเรือ แบงค์บอกว่าเหมือนเรือโรฮิงยา พอฉันมองไปรอบๆก็รู้สึกว่ามันเหมือนจริงๆ ฮ่าๆๆ
โปรดรับเราขึ้นฝั่งด้วย
หลังจากถึงฝั่ง เราก็ขึ้นรถสองแถวไปท่ารถตู้และขึ้นรถตู้กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ เตรียมตัวขึ้นห้องผ่าตัดในเช้าวันจันทร์ต่อไป
บทส่งท้าย
หลังจากมาเที่ยวทะเลกับเพื่อน ก็รู้สึกว่าทะเลมันให้ความละคนรู้สึกกับการเที่ยวภูเขาโดยสิ้นเชิง เสียงที่ครุ่นคิดกับตัวเองก็ต่างกัน ความสัมพันธ์กับเพื่อนที่เกิดขึ้นก็ต่างกัน ฉันคิดว่าการไปเที่ยวทะเลทำให้เราผูกพันธ์กันมากขึ้น ส่วนไปเที่ยวภูเขาทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น ขอบคุณแบงค์กับอ้อมที่มาเที่ยวด้วยกัน หวังว่าเราจะมีโอกาสได้ไเที่ยวด้วยกันอีกนะ
ปล.ทริปนี้ชื่อว่า "แสมสารสมานแผลหัวหินที่ว่าแน่ก็ยังแพ้แสมสาร" ตั้งโดยแบงค์ แต่ไม่มีใครมีแผลอะไรทั้งนั้นแหละ ชื่อมันยาวดี ฮ่าๆ
ขอบคุณภาพบางภาพจากแบงค์ :)